5เรื่องจริงของกองทุนรวมเฮลธ์แคร์น้องใหม่ไฟแรง TGHDIGI

สำหรับวันนี้เรายังอยู่ในกระแส Mega Trend ในเรื่องของ Health Care ที่นักวิเคราะห์หลายๆ ท่านมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว เนื่องจากโครงสร้างประชากรทั่วโลกเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเร็วขึ้น และสำหรับปัจจุบันที่การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจและเป็นสิ่งสำคัญ  ด้วยเหตุผลหลายประการที่เราได้แชร์ไว้ พี่ๆ สามารถย้อนกลับอ่านกันได้ที่นี้  

และกองทุนเฮลธ์แคร์ที่น่าใจอีกกองทุนที่เราจะมากะเทาะเปลือกให้พี่ๆ ทราบถึงนโยบายและสัดส่วนการลงทุนก็คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอลเฮลธ์ อิควิตี้ (TISCO Global Digital Health Equity Fund) เป็นกองทุน Digital Healthcare ที่จดทะเบียนกองทุนไปเมื่อปีที่แล้ววันที่ 1 มีนาคม 2562 โดยกองทุนเป็น Feeder Fund ลงทุนในหน่วยลงทุนของ

1. ลงทุนในกองทุน CS (Lux) Global Digital Health Equity ชนิดหน่วยลงทุน IB USD

จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 โดยผู้บริหารกองทุนคือ Credit Suisse Fund Management S.A. ด้วยนโยบายของกองแม่ทำให้ TGHDIGI เป็นกองทุนแรกในประเทศไทยที่มีนโยบายการลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในตราสารทุน แตกต่างจากกองทุนหุ้นเฮลธ์อิควิตี้ทั่วไป โดยกองทุนจะดูจากบริษัทที่มีรายได้จากการใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจมากกกว่า 50% ของรายได้รวม ซึ่งเป็น Digital Healthcare โดยมีศักยภาพและอยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตได้รวดเร็วซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา

2. นโยบายการลงทุนเบื้องต้นจะลงทุนใน 3 กลุ่มหลัก

        1. การวิจัยพัฒนา (Research & Development)
        2. การรักษา (Treatment)
        3. การเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา (Efficiency)
 

กองทุนเป็นกองทุนแบบเน้นการลุงทุนในบริษัท Digital Healthcare (Pure-Play) ที่มีขนาดกลางและเล็กเพื่อวัตถุประสงค์ในการสะสมมูลค่าในระยะยาวจากการบริหารแบบ Active Management

3. ผลการดำเนินงานของกองทุน TISCO Digital Healthcare

เมื่อวิเคราะห์ถึงข้อมูลเบื้องต้นผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเท่ากับ 46.49% โดยที่กองทุน TGHDIGI จัดตั้งเดือนมีนาคม 2562 ผลการดำเนินงานแค่ปีกว่าถือว่าพุ่งแรงมาก และเป็นกองที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของเฉลี่ยของกองทุนเฮลธ์แคร์ในประเทศไทยย้อนหลัง 1 ปี TGHDIGI มีผลการดำเนินงานเท่ากับ 42.74% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของกองทุนเฮลธแคร์อื่นในประเทศไทยเท่ากับ 22.04% เท่ากับว่า TGHDIGI ทำผลงานได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยถึงเกือบ 2 เท่า

GETURGOAL จะพาพี่ๆ ไปวิเคราะห์ว่าทำไม TGHDIGI ถึงวิ่งเร็ว วิ่งแรงได้ขนาดนี้ ไปวิเคราะห์กองหลัก Master Fund หรือกองแม่กันดีกว่าค่ะ ว่ากองทุนแม่ลงทุนในบริษัทอะไรบ้าง

4.บริษัทที่ลงทุนมากที่สุด 5 บริษัทแรก

มาวิเคราะห์ถึงบริษัท 5 บริษัทแรกที่กองทุนแม่ CS  (Lux)  Global  Digital  Health Equity มองว่ามีโอการเติบโตโดยมีการลงทุนอยู่ในสัดส่วนที่สูงที่สุดเพื่อให้พี่ๆ สามารถประกอบการตัดสินใจได้มากขึ้นนะคะ

อันดับที่ 1 Guardant Health

บริษัท start up ที่ใช้เทคโนโลยี AI มาวิเคราะห์ด้านเนื้องอกวิทยาที่มีความแม่นยำสูงซึ่งมุ่งเน้นที่จะช่วยผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกผ่านการใช้การตรวจความผิดปกติการเซลล์เม็ดเลือดที่เป็นกรรมสิทธิ์ของทางบริษัทซึ่งมีชุดข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมมากมายหรือวิเคราะห์จาก Big data นั่นเอง

  • ทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา และสถาบันมะเร็งในอเมริกา และการวิเคราะห์ขั้นสูง และทางบริษัทมีความเชื่อว่ากุญแจสำคัญในการพิชิตมะเร็งคือการเข้าถึงข้อมูลระดับโมเลกุล โดยสามารถตรวจหาเซลล์มะเร็งได้ในระยะเริ่มต้น
  • เป็นบริษัทแรกที่สามารถทำได้โดยการเจาะเลือดหรือตรวจชิ้นเนื้อของเหลวผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Liquid Biopsy นำผลที่ได้ไปประมวลผลโดยใช้ AI สามารถใช้เวลาการตรวจน้อยลงจากการตรวจชิ้นเนื้อที่ต้องเวลาหลายสัปดาห์เหลือเพียงแค่ 7-10 วัน ยกระดับความสามารถของบริษัทในด้านเทคโนโลยีการพัฒนาทางคลินิก
  • ได้เปิดตัวการตรวจชิ้นเนื้อของเหลว Guardant360 และ GuardantOMNI สำหรับมะเร็งขั้นสูงซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในการพัฒนาโปรแกรมการทดสอบสำหรับการเกิดซ้ำและการตรวจหาเร็ว LUNAR-1 และ LUNAR- 2 ตามลำดับ

วันนี้การตรวจเลือดเพื่อหามะเร็งของ Guardant ทำให้สามารถรักษาผู้ป่วยมะเร็งได้ทันถ่วงที นอกจากนี้ Guardant Health กำลังทำงานร่วมกับ บริษัทยาเพื่อค้นหาและทำความเข้าใจวิธีการรักษาใหม่ ๆ ที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่าสำหรับผู้ป่วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://guardanthealth.com/

https://th.investing.com/equities/guardant-health-financial-summary

อันดับ 2 บริษัท Novocure

บริษัทที่พัฒนายาและนวัตกรรมการรักษารูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มอัตราการรักษาหายของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งระยะรุนแรง ที่เป็นเนื้องอกและมะเร็งในสมอง

  •  โดยใช้คลื่นไฟฟ้าเรียกว่า optune การใช้แม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อลดการเติบโตของเซลล์ และผลของการรักษายังช่วยให้ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้นด้วย
  • ในปี 2015 ทางบริษัทได้รับอนุมัติให้ทำการตลาดและขาย Optune จาก FDA (Food and Drug Administrative) สำหรับการรักษาผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเป็นเนื้องอกสมอง (GBM) โดยรักษาร่วมกับยา temozolomide ที่ใช้รักษาผู้ป่วย
  • ในปัจจุบันทางบริษัทสามารถทำการตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน อิสราเอล และญี่ปุ่น ทาง Novocure มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทางวิทยาศาสตร์ของการรักษาเนื้องอกมีศักยภาพที่จะขยายผลนอกจากเนื้องอกสมอง(GBM)
  • บริษัทมีการทดลองนำร่องระยะที่สองอย่างต่อเนื่องโดยเสร็จสิ้นแล้วหกครั้งสำหรับการทดลองใช้กับแพร่กระจายของมะเร็งในสมอง มะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์เล็ก (NSCLC) มะเร็งตับอ่อน มะเร็งรังไข่มะเร็งตับ และมะเร็งปอด
  • นอกจากนี้ยังมี Dexcome อุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะเลือดและวัดผลเป็น Real Time ใน Application ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานอย่างมาก

นวัตกรรมของ Novocure ส่งผลให้จากมูลค่าหุ้นในปี 2015 เท่ากับ  $18.28 เพิ่มสูงขึ้นเป็น $63.14 เท่ากับว่าภายใน 5 ปี Nvocure มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าซึ่งเคยทำมูลค่าต่อหุ้นได้สูงสุด $98.84

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.novocure.com/

อันดับ 3 Zai Lab

มาพูดถึงบริษัทที่ไม่ได้อยู่ใน USA กันบ้างนะคะ Zai Lab (NASDAQ: ZLAB) เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการดำเนินกิจการชีวเวชภัณฑ์โดยใช้นวัตกรรมในเซี่ยงไฮ้ เพื่อที่จะนำเสนอยารักษาโรคมะเร็ง โรคภูมิต้านตนเอง และโรคติดเชื้อให้กับผู้ป่วยในประเทศจีนและทั่วโลก ทีมงานที่มีประสบการณ์ของ บริษัท ได้สร้างความร่วมมือกับบริษัท ชั้นนำด้านชีวเวชภัณฑ์ระดับโลกสร้าง

  •  กลุ่มยานวัตกรรมที่มุ่งเน้นกลุ่มตลาดเวชภัณฑ์ของจีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วและความต้องการทางการแพทย์ที่ยังไม่ได้มาตรฐานระดับโลก
  • วิสัยทัศน์ของ Zai Lab คือการเป็นบริษัทชีวเวชภัณฑ์ที่ครบวงจร วิจัยและพัฒนาผลิตและจำหน่ายคู่ค้าและผลิตภัณฑ์ของตนเองเพื่อส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ทั่วโลก
  • มูลค่าหุ้นของ Zai Lab ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2017 เท่ากับ $27 3 ปีต่อมาราคาล่าสุดเดือน กรกฎาคม 2020 เท่ากับ $66 ซึ่งก็นับว่าเป็นหุ้นที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วภายใน 3 ปีราคาต่อหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า

อันดับที่ 4 Teladoc

  • บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำการบริการ Virtual Care ระดับโลก (The global virtual care leader) เปรียบเสมือน โรงพยาบาลบนโลกออนไลน์ ที่นําเทคโนโลยีช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบ Real-Time Video Call  ที่คู่สนทนาสามารถมองเห็นหน้าและสนทนากันได้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้อย่างไร้ข้อจำกัดในเรื่องเวลาและสถานที่ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายสำหรับผู้รับบริการ
  • เป็นผู้ให้บริการ Telemedicine คนไข้สามารถพบแพทย์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และรับใบสั่งยาไปซื้อยาได้
  • ช่วยแก้ปัญหาในการเข้าถึงบุคคลากรทางการแพทย์เป็นสิ่งที่หลายประเทศ หลายภูมิภาคต้องเผชิญ ทำให้ Teladoc ต้องการใช้ Video Conference เข้ามาเชื่อมโยงคนไข้กับบุคคลาการทางการแพทย์ และได้รับคำปรึกษาผ่าน Telehealth
  • มีข้อมูลที่น่าสนใจและแสดงถึงศักยภาพของบริษัทคือ 40% ของบริษัทใน Fortune500 เป็นลูกค้าและใช้บริการของ Teladoc เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อันดับที่ 5 บริษัท Exact Science

เป็นผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

  • วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้หลักการของชีววิทยาเคมีและชีววิทยาโมเลกุล เป็นการผสมผสานที่มีประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่รวมอยู่ในการตรวจคัดกรองมะเร็งและคัดกรองอย่างสะดวกและรวดเร็ว
  • การทดสอบโดยใช้ DNA ที่จะรวม biomarkers ให้ข้อมูลเพื่อให้แน่ใจว่ามีความรวดเร็วในการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่
  • มุ่งวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ชั้นนำสำหรับเป็นคำแนะนำในการตรวจหาและรักษาของผู้ป่วยโรคมะเร็งก่อนลุกลาม และบริษัทให้ข้อมูลกับผู้ป่วยมะเร็งในการตัดสินใจที่ท้าทายที่สุดด้วยความมั่นใจ
  • บริษัทพัฒนาและเพิ่มความสามารถในการทดสอบ coronavirus
  • เร่งความพร้อมของทรัพยากร telehealthสังคมดิจิทัลโทรทัศน์เพิ่มการรับรู้ด้วยโฆษณาที่กำหนดเป้าหมาย
  • มีความสามารถด้านวิจัยพัฒนา Multiple classes of biomarkers และ Proprietary DNA chemistry ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าและรักษาผู้ป่วยได้แม่นยำขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

http://investor.exactsciences.com/investor-relations/events-and-presentations/default.aspx

5. ค่าธรรมเนียมกองทุน TGHDIGI

เมื่อพูดถึงค่าธรรมเนียม หากเทียบกองทุนในกลุ่มเฮลธ์แคร์รุ่นเก๋าอย่าง BCARE แล้ว ถือว่า TGHDIGI เป็นกองทุนที่คิดค่าธรรมเนียมในอัตราเดียวกัน ค่าธรรมเนียมขาย (Front-end fee) อยู่ที่ 1% ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการซื้อคืนและสับเปลี่ยนเข้า ออก แต่จะไปเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการที่ 1.07%

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บลจ. จะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุน สบายใจได้ค่ะ

สำหรับวันนี้ GETURGOAL ขอฝาก TGHDIGI ไว้ในอ้อมอก อ้อมใจของพี่ๆ ไว้พิจารณาเมื่อต้องการลงทุนในกองทุนเฮลธแคร์ กองทุนน้องใหม่ที่มีนโยบายการลงทุนเฮลธ์แคร์ไม่เหมือนใครและมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตไว้ด้วยนะคะ

ท้ายนี้หากมีข้อสงสัย หรือ อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้ แวะมาทักทายเราได้นะคะ แล้วอย่าลืมกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้ทีมงาน Geturgoal ด้วยนะคะ

อย่าลืมติดตาม กองทุนเฮลธ์แคร์ขั้นเทพ กองสุดท้ายที่เราคัดสรรมาฝาก ในบทความถัดไปด้วยนะคะ