5เรื่องจริงของกองทุนรวมเฮลธ์แคร์เล็กพริกขี้หนู KFHEALTH-A

เมื่อ COVID ยังดูไม่หนีหาย Aging Society ก็คืบคลายเข้ามาไม่หยุดหย่อน ยิ่งตอกย้ำถึงกระแสความแรงของการเติบโตในธุรกิจ Health Care ทั่วโลก แบบนี้ทาง Geturgoal จึงต้องขอหยิบยกกองทุน Health Care เทพอีกตัวมาอวดผลงานแบบปังๆ ที่สวนกระแสเศรษฐกิจโลก

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้มีการหยิบกองทุนระดับตำนานอย่าง BCARE และ กองทุนน้องใหม่ไฟแรงอย่าง TGHDIGI มากะเทาะเปลือกให้พี่ๆดูกับไปแล้ว (ย้อนไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่) วันนี้เราจึงขอหยิบกองทุนเฮลท์แคร์ไซส์เล็กที่ความสามารถคับแก้วมาให้พี่ๆได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งกองทุนนั้นก็คือ…..

กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้-ชนิดสะสมมูลค่า (Krungsri Global Healthcare Equity Fund-A) หรือ KFHEALTH-A

KFHEALTH-A นับเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่เกิดขึ้นมาในช่วงหลัง เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2561และจัดตั้งมาในรูปแบบของ Feeder Funds ที่มีมีนโยบายเน้นการลงทุนในธรกิจ Health Care ทั่วโลก

1. ลงทุนในหน่วยลงทุนของ JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund ชนิดหน่วยลงทุน Class C (acc) – USD

ถึงแม้กอง KFHEALTH-A จะถือเป็นกองไซส์เล็กที่จัดตั้งมาไม่นาน แต่สำหรับกองแม่อย่าง JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund นั้นนับเป็นกองขนาดใหญ่ที่จัดตั้งมานานและมีความเก๋าเกมส์มานานกว่า 10 ปี และมี JPMorgan Asset Management (Europe) S.à r.l. เป็นผู้บริหารงาน นโยบายการลงทุนจะเน้นไปที่ตราสารทุนของบริษัทใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรม Health Care ทั่วโลก

เนื่องจากกองทุน KFHEALTH-A นี้เป็นกองทุนที่ทำการซื้อขายหน่วยลงทุนเป็น USD ผู้ลงทุนจึงต้องระวังในเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เพราะถึงแม้ว่าทางกองทุนจะแจ้งว่ามีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินตามความเหมาะสม แต่ในความเป็นจริงแล้วกองนี้ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแต่อย่างใด

2. นโยบายการลงทุน (อ้างอิงจาก JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund)

มีนโยบายการบริหารแบบ Active Management ที่เน้นการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ และมีการกระจายตัวไปยัง 4 หมวดธุรกิจย่อย ดังนี้ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2563)

– ธุรกิจยา (Pharmaceutical) – 31.2%

– ธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) – 25.2%

– ธุรกิจเทคโนโลยีการแพทย์ (Medical Technology) – 22.3%

– ธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพ (Healthcare Service) – 17.7%

จะเห็นได้ว่าแม้กองทุนจะเน้นหนักไปที่ธุรกิจยา แต่สัดส่วนการลงทุนในแต่ละหมวดนั้นก็ยังไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หรืออีกในหนึ่งก็คือทางกองทุนยังคงพยามรักษาการถ่วงน้ำหนักการลงทุนของแต่ละหมวดย่อยให้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสมดุล โดยรวม Geographic กองทุนนี้จะยังคงเน้นการลงทุนอยู่ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ (75.3%) และ ยุโรป (19.6%) ซึ่งเป็นภูมิภาคหลักของบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของธุรกิจ Health Care

3. ผลการดำเนินงานของกองทุน KFHEALTH-A

สำหรับผลการดำเนินงานของกองนี้จะเห็นได้ว่ากระโดดพุ่งแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ตั้งกองเลยทีเดียว โดยผลการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้นเติบโตสูงถึง 27.36% ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุนHealth Care อื่นๆในประเทศไทยที่อย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว

น่าสนใจไม่ใช้เล่นเลยใช่มั้ยหล่ะคะ สำหรับกอง Health Care เล็กพริกขี้หนูอย่าง KFHEALTH-A ถ้าพี่ๆรู้สึกว่าเจ้ากองนี้เริ่มจะเข้าตามาบ้างแล้วหล่ะก็ เราไปดูกันต่อเลยดีกว่าค่ะ ว่ากองนี้เขาไปลงทุนในอะไร ทำไมมันถึงได้โตได้โตดีอย่างนี้

4. บริษัทที่มีสัดส่วนการลงทุนมากที่สุด 5 บริษัทแรก

เนื่องจากกองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนที่เน้นไปที่บริษัทใหญ่ๆ พี่ๆก็คงจะคุ้นหูคุ้นตากับชื่อบริษัทเหล่านี้มาบ้างแล้วนะคะ แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จัก เรามาดูพร้อมกันเลยค่ะว่าบริษัทเหล่านี้เขาเป็นใครกันบ้าง

อันดับที่ 1 UnitedHealth

กลุ่มบริษัท Health Care ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลก (ตามรายได้ปี 2019) UNH เป็นบริษัทจดทะเบียนใน New York Stock Exchange และมีมูลค่าหลักทรัพย์สูงกว่า 3 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐเลยทีเดียว

ธุรกิจของ UNH มุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการระบบสาธารณะสุข และการสร้างสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมไปตั้งแต่การจัดการสวัสดิการให้กับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ รวมไปถึงสวัสดิการยามเกษียณเลยทีเดียว และด้วยกระแส Aging Society ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง UNH สามารถมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับเกือบ 10% ได้เลยทีเดียว

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.unitedhealthgroup.com/

อันดับที่ 2 Roche

บริษัทยาชื่อดังจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่ชื่อน่าจะคุ้นหูพี่ๆกันดีอยู่แล้ว โดยในปี 2562 ROG นับเป็นบริษัทยาที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกเลยทีเดียว นอกจากความโดยเด่นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ยาซึ่งคิดเป็นรายได้ราว 80% รายได้ทั้งหมดแล้ว อีกธุรกิจนึงที่สำคัญของ ROG เลยก็คือการพัฒนานวัตกรรมในการตรวจวินิจฉัยโรค ซึ่งคิดเป็น 20% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท (ข้อมูลปี 2562)

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.roche.com/

อันดับที่ 3 Johnson & Johnson

อันดับที่ 4 Amgen

บริษัทสัญชาติอเมริกันที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมจากเทคโนโลชีวภาพเพื่อมาประยุกต์ใช้ในการบำบัดรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคไต โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคกระดูก และอื่นๆ ที่มักจะมีตัวเลือกหรือผลิตภัณฑ์ทดแทนในตลาดน้อย ซึ่งการครอบครองเทคโนโลยีระดับสูงที่จุดแข็งของ AMGN ที่ทำให้คู่แข่งสามารถเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดได้ยาก ในปัจจุบัน AMGN ได้มีการขยายธุรกิจไปแล้วในกว่า 75 ประเทศทั่วโลก ซึ่งก็แน่นอนว่ารวมปรเทศไทยของเราด้วยเช่นกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.amgen.com/

อันดับที่ 5 Thermo Fisher Scientific

ผู้นำระดับโลกด้านบริการทางวิทยาศาสตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริการของ TMO คือการทำการวิจัยทางชีววิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาด้านการวิเคราะห์ที่มีความซับซ้อน ยกระดับการวินิจฉัยผู้ป่วย นำยาออกสู่ตลาด รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเพิ่มผลิตภาพในห้องปฏิบัติการ ซึ่งบริการของทาง TMO ก็ช่วยทำให้หน่วยงาน R&D ของบริษัทต่างๆสามารถพัฒนายาหรือเครื่องมือทางการแพทย์ใหม่ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://corporate.thermofisher.com/

5 ค่าธรรมเนียมของกองทุน KFHEALTH-A

ในส่วนของค่าธรรมเนียม เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนขั้นเทพอีก 2 ตัวที่เรานำมาตีแผ่ให้พี่ๆดูไปแล้วก่อนหน้านี้ จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันในเรื่องของการเก็บค่าธรรมเนียมพอสมควร โดยที่กอง KFHEALTH-A นั้นจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อและการสับเปลี่ยนขาเข้าที่ 1.5% แต่จะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมในการขายและสับเปลี่ยนออก ซึ่งหากมองในแง่มุมว่าเรามีการคาดหวังราคาที่สูงขึ้น ณ ตอนขายแล้วนั้นการเก็บค่าธรรมเนียมแค่ขาเข้านั้นจะเป็นประโยชน์กับฝั่งนักลงทุนมากกว่า นอกจากนี้กองทุน KFHEALTH-A นั้นยังมีการคิดค่า Management Fee ที่ 0.80% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราต่ำกว่าอีก 2 กองเรียกเก็บอยู่ในปัจจุบัน

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ KFHEALT-A กองทุนHealth Care ขั้นเทพกองสุดท้ายของเรา ที่ถึงขนาดกองจะเล็กแต่ก็ลงทุนในกองแม่มือฉมังอย่าง JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund แถมแต่ละบริษัทที่เลือกลงทุนยังเป็นบริษัทระดับโลกที่ยังคงมีโอกาสเติบโตชัดเจนตามเทรนของโลกในปัจจุบัน หวังว่ากองนี้ก็จะถูกใจพี่ๆไม่แพ้กองก่อนหน้านี้นะคะ

 

แต่ถ้าหลังจากอ่านบทความ 3 อันไปแล้วยังลังเลรักพี่เสียดายน้อง หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกกองทุนไหนดีที่จะเหมาะกับความต้องการของตัวเองมากสุด ในบทความหน้า เราจะนำ 3 กองทุนน้าเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด ว่าแต่ละกองมีจุดเด่นจุดแข็งต่างกันยังไง แล้วใครเจ๋งกว่าใครด้านไหนบ้าง

สำหรับวันนี้ GETURGOAL ต้องขอลาไปก่อนนะคะ อย่างลืมกดติดตามกดไลค์เป็นกำลังใจให้เรานะคะ

BLOCKDIT

E-MAIL